วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ลดความอ้วนให้ปลอดภัยและได้ผล

รูปภาพประกอบ : ลดความอ้วนให้ปลอดภัยและได้ผล
คำว่า อ้วน นี่ฟังดูระคายหูอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะคุณสาวๆ ทั้งสาวน้อยสาวใหญ่ เพราะจะโทษเรื่องพันธุกรรมพื้นฐานที่คุณพ่อคุณแม่ให้มาเพียงอย่างเดียวก็ดู ไม่ยุติธรรม เพราะเรื่องอาหารการกิน และสิ่งแวดล้อมก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ชวนให้คนไทยวันนี้อ้วนได้อ้วนดี

คำว่า อ้วน นี่ฟังดูระคายหูอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะคุณสาวๆ ทั้งสาวน้อยสาวใหญ่ เพราะจะโทษเรื่องพันธุกรรมพื้นฐานที่คุณพ่อคุณแม่ให้มาเพียงอย่างเดียวก็ดู ไม่ยุติธรรม เพราะเรื่องอาหารการกิน และสิ่งแวดล้อมก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ชวนให้คนไทยวันนี้อ้วนได้อ้วนดี จากงานวิจัยพบว่าขณะนี้ชาวกรุงเทพฯไม่น้อยกว่า 25 % เป็นโรคอ้วน และนับวันก็จะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ทั้งที่ความอ้วนทำให้เกิดโรคต่างๆ ตามมามากมาย เช่น โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ โรคเส้นเลือดสมองตีบ เบาหวาน โรคความดันโลหิต โรคระบบทางเดินหายใจ โรคกระดูกเสื่อม โรคระบบทางเดินอาหาร ไส้เลื่อน นิ่วในถุงน้ำดี โรคเก๊าท์ มะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งมดลูก เต้านม ลำไส้ ต่อมลูกหมาก

มีการประมาณไว้ว่ามูลค่าการใช้จ่ายแต่ละปีที่ใช้ในการรักษาโรค ที่สืบเนื่องมาจากความอ้วนนี้มีสนนราคาขั้นต่ำเกือบ 2,000 ล้านบาทต่อปีเลยทีเดียว จะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เสียแล้ว และถ้าคนไทยสนใจคุมเรื่องน้ำหนักกันมากขึ้นก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาล นี้ลงไปได้ไม่น้อย

รศ.ดร.นพ.กำพล ศรีวัฒนกุล จากภาควิชาเภสัชวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้พูดถึงเรื่อง การลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยและได้ผล โดยให้ข้อคิดใกล้ชิดความเป็นจริงเอาไว้ได้น่าสนใจไม่น้อย นพ.กำพลอธิบายความหมายของโรคอ้วนไว้ว่า

3.jpg

ลดความอ้วนให้ปลอดภัยและได้ผล

โรคอ้วน คือโรคที่มีปริมาณไขมันภายในร่างกายมากกว่าปกติ มีการสะสมมากกว่าพลังงานที่ใช้ไป นอกจากนี้การกระจายตัวของไขมันในร่างกายยังเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลร้ายต่อ สุขภาพ

หรืออย่างง่ายๆ เลย ที่จะรู้ว่าตัวเองอ้วนหรือไม่ ให้คุณยืนแล้วก้มหน้าลงมอง ถ้าไม่เห็นหัวแม่เท้าตัวเอง นี่เรียกว่าอ้วนแน่นอน อ้วนคือการมีไขมันในร่างกายมากกว่าปกติ ซึ่งคนตัวใหญ่ มีกล้ามเยอะๆ ไม่ถือว่าเป็นโรคอ้วน

แต่วิธีที่ถูกต้องควรจะใช้วิธีหาค่าดัชนีมวลกายจะแม่นยำกว่า ดังนั้นหากคุณต้องการทราบว่าตัวเองอ้วนหรือไม่ ให้คำนวณตามดัชนีมวลกายดังนี้

ดัชนีมวลกาย
body mass index (BMI) = น้ำหนักตัว (ก.ก.) / ส่วนสูง2 (ม2)

ประเภท ดัชนีมวลกาย(กก./ม2) ความเสี่ยงต่อการเกิดการเจ็บป่วย

น้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐาน

น้ำหนักตัวมาตรฐาน

น้ำหนักเกินมาตรฐาน

ภาวะเสี่ยงต่อโรคอ้วน

โรคอ้วนขั้นที่ 1

โรคอ้วนขั้นที่ 2

<18.5

18.5 - 22.9

>= 23

23.0 - 24.9

25.0 - 29.9

>= 30

ต่ำ(แต่เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ)

ปกติ

เพิ่มกว่าปกติ

เพิ่มขึ้นปานกลาง

เพิ่มขึ้นอย่างมาก

IOTF : Asia Pacific

หากว่าคำนวณตามดัชนีนี้แล้วได้ผลเกินมาตรฐาน ก็ต้องลองพิจารณาต่ออีกขั้นว่าคุณนั้นอ้วนแบบไหน แต่ประเด็นที่น่าสนใจอยู่ที่ว่า


คนอ้วนที่ลงพุงมักจะมีอัตราเสี่ยงในการเสียชีวิตมากกว่าคนที่ อ้วนทั้งตัว ซึ่งผู้ชายน่าเป็นห่วงมีความเสี่ยงสูงมากกว่าผู้หญิงเพราะผู้ชายส่วนใหญ่ อ้วนลงพุง แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่อ้วนต่ำกว่าพุง คือหน้าท้อง ต้นขา ขาหนีบ และเหตุที่ทำให้คนอ้วนลงพุงมีโอกาสเสียชีวิตมากกว่าคนอ้วนทั้งตัว เพราะไขมันในช่องท้องเป็นตัวทำให้เกิดอันตรายมากกว่า เนื่องจากไขมันที่ปลดปล่อยสู่กระแสเลือดและอุดตันในเส้นเลือดจะมาจากไขมัน ที่มาจากช่องท้องมากกว่า ไขมันเหล่านี้ทำให้อินซูลินทำงานมีประสิทธิภาพด้อยลง มีโอกาสเป็นเบาหวานมากขึ้นด้วย

ลดความอ้วนอย่างถูกต้อง
หลักสากลที่ทราบกันดีอยู่ แต่ส่วนใหญ่ทำไม่ค่อยได้ เพราะอาจมีปัจจัยทาง ใจ ที่ยังขาดความมุ่งมั่น แน่วแน่ อยู่จึงทำให้ไปถึงเป้าหมายได้ยาก วิธีลดน้ำหนักที่ถูกต้องประกอบด้วย

    * การควบคุมอาหาร
    * การออกกำลังกาย
    * การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
    * ปรึกษาแพทย์
      การลดน้ำหนักที่ถูกหลักคุณจะต้องพึ่งตนเองก่อนเป็นคนแรก ดังนั้น 3 วิธีแรก จึงมีความสำคัญมากที่จะทำให้คุณลดน้ำหนักลงได้จริง ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดเมื่อคุณยอมเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมให้ได้ ก็จะทำให้การควบคุมน้ำหนัก และการออกกำลังกาย ทำได้ง่ายขึ้นด้วย

เป้าหมายการลดน้ำหนักที่ควรเป็น
ร้อยทั้งร้อยคนอ้วนส่วนใหญ่เวลาลดน้ำหนักมักจะใจร้อน อยากลดเร็วๆ ลดมากๆ ทั้งๆ ที่จะสะสมความอ้วนได้ต้องใช้เวลาแรมปี ตามหลักวิทยาศาสตร์และเป้าหมายที่เหมาะสมที่สุดของการลดน้ำหนักคือ ควรลดน้ำหนักลงอย่างช้าๆ และลดลงเพียง 5-10 % ของน้ำหนักตั้งต้นก็เพียงพอแล้วที่จะลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ที่มากับความอ้วน การลดลงสัปดาห์ละ 0.5 กิโลกรัม คือมาตรฐานที่ดีที่สุด และควรระลึกไว้ให้สนิทใจว่า ตราบใดที่ยิ่งลดลงเร็วๆ เช่น 1-2 กิโลกรัม/สัปดาห์ น้ำหนักก็ยิ่งดีดกลับขึ้นเร็วเท่านั้นและมากกว่าเดิม ที่เรียกว่า โยโย่ ซึ่งในคนที่ลดน้ำหนักลงเร็วๆ ก็จะยิ่งเพิ่มอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจด้วยถึง 10 %


คนไทยชอบพึ่งยาและปัจจัยภายนอกโดยไม่แก้ไขที่ตนเองก่อน ผมฟันธงได้เลยว่าถ้าลดความอ้วนโดยทั้งที่ถูกวิธีและไม่ถูกวิธี แต่ไม่พร้อมที่จะแก้ที่ตัวเองเลยเนี่ย น้ำหนักที่ลงแล้วจะกลับขึ้นมามากกว่าเดิม ภายในเวลา 1 ปี เกือบ 100 % ดังนั้นการลดน้ำหนักต้องทำให้ถูกวิธีและลดแล้วก็ต้องคุมให้ได้ การลดน้ำหนักลงเพียง 5-10 % ก็ลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ลงได้อย่างชัดเจน

ปรับพฤติกรรมการกินได้ไม่ยาก
ในการลดน้ำหนักการควบคุมอาหารเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด ไม่ว่าจะใช้ยาหรือไม่ใช้ยา ถ้าคุมอาหารผิดๆ จะก่อให้เกิดอันตรายมากกว่าดี เพราะจะทำให้สุขภาพทรุดโทรมลง ดังนั้นคุณควรจะกินอาหารให้ครบสัดส่วนแต่ปริมาณน้อยลง 20 % มีความเข้าใจผิดๆ ที่ว่าการงดมื้อเย็นทำให้ไม่อ้วน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วขณะคุณนอนหลับหลายส่วนของร่างกายยังคงต้องใช้พลังงาน ทั้งหัวใจ ปอด และระบบต่างๆ ซึ่งล้วนต้องใช้พลังงาน สังเกตได้จากพระภิกษุไม่ฉันท์มื้อเย็นแต่เห็นอ้วนเยอะแยะ


นอกจากนี้วิธีการกินอาหารวันละหลายมื้อแต่ประมาณน้อยๆ ย่อมดีกว่ากินวันละมื้อสองมื้อแต่มื้อละเยอะๆ และง่ายที่สุดคือกลับสู่ธรรมชาติ เลือกกินอาหารที่ผ่านกระบวนการน้อยที่สุดอย่าง ข้าวกล้อง ธัญพืช ผัก ผลไม้ ให้มากขึ้น หรือเลือกกินอะไรตามฤดูกาลและในท้องถิ่นตัวเองดีที่สุดเพราะจะได้ความสด คุณค่าของสารอาหารยังคงมีอยู่ ดีกว่ากินของเก็บรักษา หรือดองไว้


นอกจากนี้การกินอาหารให้ตรงเวลาจะทำให้ร่าง กายปรับสมดุลและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย เวลาเรากินอาหารทุกครั้งจะมีฮอร์โมนอินซูลินที่ควบคุมน้ำตาลปล่อยออกมา ถ้าไม่กินให้ตรงเวลาเมื่อฮอร์โมนทำงานก็อาจทำให้เรารู้สึกโหยๆ มือสั่น อยากกินของหวานๆ และเมื่อยิ่งกินของหวานก็ยิ่งอ้วน ดังนั้นควรกินอาหารให้ตรงเวลาดีที่สุด


เทคนิคหนึ่งที่ผมอยากฝากไว้ก็คือ การกินช้าๆ เคี้ยวช้าๆอย่า มองข้าม เพราะจะทำให้กินได้น้อยลง เมื่อตักเข้าปากเคี้ยวให้ละเอียดอย่างน้อยเคี้ยวให้ได้ 15 ครั้ง แต่ถ้าทำได้เคี้ยวคำละ 32 ครั้ง จะดีเยี่ยม แล้วค่อยกลืน เพราะคุณจะสังเกตได้ว่าคนที่เคี้ยวเร็วๆ กินเร็วๆ ส่วนใหญ่จะได้ปริมาณและทำให้อ้วน

ลดความอ้วนให้ปลอดภัยและได้ผล


ออกกำลังกายให้พอเพียง
เป็นที่ทราบกันดีว่าคนอ้วนส่วนใหญ่ไม่ชอบออกกำลังกาย การปรับพฤติกรรมเริ่มแรกเพื่อการลดน้ำหนักก็จำเป็นที่จะต้องใช้พลังงานให้ มากขึ้น เช่นเปลี่ยนจากขึ้นลิฟท์มาเป็นขึ้นบันได และเดินไปไหนมาไหนให้มากขึ้น ต้องมีความกระฉับกระเฉงและตื่นตัวที่จะเคลื่อนไหวมากขึ้น จากนั้นค่อยๆ พัฒนาสู่การออกกำลังกายเป็นกิจจะลักษณะ


จากการวิจัยพบว่า การออกกำลังกายที่จะได้ผลลดน้ำหนักลง ต้องออกกำลังกายให้ได้วันละ 45 นาที ทุกวัน คุณจะสามารถลดน้ำหนักลงได้แน่นอน แต่คนส่วนใหญ่ทำไม่ได้ พบกันครึ่งทางก็ยังดี คือ ในหนึ่งสัปดาห์ขอให้ออกกำลังกายอย่างน้อยวันเว้นวัน และทำให้ได้ครั้งละ 20-30 นที ก็เยี่ยมแล้ว นอกจากจะลดน้ำหนักได้ยังช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ฟิต รูปร่างได้สัดส่วน และควบคุมน้ำหนักได้ดีในระยะยาว ที่สำคัญการออกกำลังกายช่วยให้คุณลดความเครียดด้วย


ส่วนในด้านจิตใจที่มีผลต่อความอ้วนนั้นผมเห็นหลายคนเวลาเครียด ยิ่งเครียดยิ่งกิน บางคนกินเพราะเหงา อย่างนี้ขอแนะนำว่าการนั่งสมาธิช่วยคุณได้มาก


สุดท้ายนพ.กำพลฝากข้อคิดสำหรับทุกคนที่อยากลดความอ้วนไว้ตรงนี้อีกด้วยว่า


คุณไม่จำเป็นต้องชั่งน้ำหนักบ่อยๆ การชั่งน้ำหนักทุกวันนี่ห้ามเด็ดขาดนะครับ เพราะการลดน้ำหนักที่ถูกต้องจริงๆ จะลดได้ประมาณ 0.5 กิโลกรัม/สัปดาห์เท่านั้น ถ้าคุณชั่งทุกวันก็จะเกิดความท้อใจ ทำให้ไม่อยากลดต่อ ดังนั้นควรชั่งสัปดาห์ละครั้งก็พอที่จะเห็นความเปลี่ยนแปลง เพื่อจะมีกำลังใจต่อเนื่อง

อย่าหวังว่าจะผอมในพริบตา เพราะกว่าจะอ้วนขึ้นมาได้สะสมมาเป็นปีไม่ใช่กินทีเดียวอ้วนขึ้นมาเลย และเป้าหมายลดลง 50 % หรือครึ่งหนึ่งของน้ำหนักเดิมก็เป็นไปไม่ได้แน่นอนเช่นกัน เพียง 5-10 % ก็พอแล้ว แต่หากว่าในหนึ่งปีคุณเกิดมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นทีละ 5-10 กิโลกรัม อย่างนี้ผมขอแนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์ เพราะตามปกติของคนเราเพิ่มขึ้นปีละ 1-2 กิโลกรัมเท่านั้น แสดงว่าอาจมีปัญหาทางสุขภาพก็เป็นได้ เช่น โรคภัยไข้เจ็บบางอย่าง หรือยาบางชนิดที่ทำให้อ้วน แบบนี้ต้องรีบแก้ไขโดยแพทย์ครับ

เกร็ดน่ารู้เพื่อการลดน้ำหนัก

    * ให้จดบันทึกว่าในหนึ่งวันคุณกินอะไรบ้าง เพื่อย้ำเตือนตนเองเสมอ และประเมินผลงานทุกวัน จะทำให้คุณมองภาพรวมตัวเองและเพิ่มพัฒนาการการลดน้ำหนักได้ดียิ่งขึ้น
    * ถ้างดน้ำอัดลมได้ 60 ขวด จะลดน้ำหนักได้ 1 กิโลกรัม
    * งดเบียร์ขวดใหญ่ 10 ขวด ลดน้ำหนักลงได้ 1 กิโลกรัม (แอลกอฮอล์ 1 ซีซี เท่ากับ 7 แคลอรี่ เบียร์ 1 ขวดให้พลังงาน 800 กิโลแคลอรี่)
    * น้ำมันพืชและน้ำมันจากสัตว์ ต่างกันตรงที่น้ำมันพืชโคเลสเตอรอลต่ำว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งสองชนิดก็เป็นไขมัน ดังนั้นก็ทำให้อ้วนได้ทั้งคู่
    * หากคิดจะใช้ยาลดความอ้วน ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น !!



ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today

กินอย่างฉลาด ปลอดโคเลสเตอรอล

กินอย่างฉลาด ปลอดโคเลสเตอรอล

รูปภาพประกอบ : กินอย่างฉลาด ปลอดโคเลสเตอรอล
ระดับโคเลสเตอรอลในเลือดทราบได้จากการเจาะเลือดไปตรวจ แล้วตอนนี้คุณมีระดับโคเลสเตอรอลเท่าใด เกิน 200 มิลลิกรัมหรือไม่

คุณ เป็นคนหนึ่งเปล่าที่ชอบกินอาหารเหล่านี้ ?
เนื้อติดมัน ไก่ติดหนัง
ชอบอาหารทะเล โดยเฉพาะหอยนางรม ปลาหมึก กุ้ง ปู
ชอบเครื่องใน ไข่แดง ไข่ปลา เลือด
ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น แหนม ไส้กรอก แฮม กุนเชียง
ฟาสฟูดจานด่วน แถมเพิ่มชีวอีกต่างหาก
อาหารประเภททอด ทั้งที่ใช้น้ำมันน้อย น้ำมันมาก ทั้งคาว-หวาน หรืออาหารว่าง
อาหารที่ใส่กะทิข้นๆ มันๆ
คอฟฟี่เบรกต้องมีเค้ก คุกกี้ โดนัท พาย เสิร์ฟข้างๆ

ทั้ง หมดนี้จัดเป็นพฤติกรรมการกินที่นำไปสู่โรคสารพัด และไขมันอุดตันในเส้นเลือด ซึ่งโคเลสเตอรอลเป็นตัวการสำคัญที่สุด เช่น โรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคข้อกระดูกเสื่อม ความผิดปกติทางฮอร์โมนบางชนิด อัมพฤกษ์ อัมพาต ฯลฯ ก่อนอื่นมักพบภาวะโคเลสเตอรอลในเลือดสูงก่อน ถือสัญญาณแห่งเพชรฆาตเงียบซ่อนอยู่ในความอร่อยแบบนึกไม่ถึง เพียงคุณชอบกินอาหารดังกล่าวข้างบนเกิน 3 ครั้ง/สัปดาห์ คุณก็จะได้รับโบนัสพิเศษเป็นโคเลสเตอรอลไปเต็มๆ

รู้เขา รู้เรา
การที่มีโคเลสเตอรอลในเลือดได้นั้นมาจากร่างกายสร้างขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์ กับได้จากอาหารที่กินเข้าไป ซึ่งแบบหลังมักทำให้เกิดโคเลสเตอรอลสูงได้มาก แต่ก็สามารถควบคุมได้

เรียนรู้กับผลเลือดของตนเอง
เวลา ไปเจาะเลือด ผลเลือดที่ได้รับมักจะไม่ค่อยได้รับคำอธิบาย แต่คุณสามารถรู้ได้ จากใบรายงานผลเลือดซึ่งจะบอกค่าพิกัด (สูง-ต่ำ) ไว้ด้วย โคเลสเตอรอลในคนปกติจะไม่ควรเกิน 200 มิลลิกรัม แต่ถ้าเกินไปแล้วไม่ถึง 250 มิลลิกรัม ก็แสดงถึงอนาคตว่าคุณมีโอกาสเกิดโรคหัวใจขาดเลือดได้ และควรทราบถึง HDL-โคเลสเตอรอล และ LDL-โคเลสเตอรอลด้วย เพราะทั้ง 2 ตัวเป็นเพื่อคู่หูคอยขัดขากันเวลาทำงาน HDL โคเลสเตอรอลเป็นโคเลสเตอรอลพระเอก ช่วยจับโคเลสเตอรอลที่อยู่ในเลือดออกไปทำลายที่ตับ ทำให้ในหลอดเลือดสะอาดสะอ้านหมดจด สำหรับผู้ชายควรมีประมาณ 32 - 68 มิลลิกรัม ส่วนผู้หญิง 36 - 88 มิลลิกรัม ส่วน LDL-โคเลสเตอรอลจะทำงานตรงกันข้ามกับ HDL-โคเลสเตอรอล คือเป็นผู้ร้ายนั่นเอง จึงไม่ควรมีเกิน 150 มิลลิกรัม ทั้งหญิงและชาย

ที่อยู่ของโคเลสเตอรอล
โคเลสเตอรอลมีอยู่ในอาหารประเภทไขมันสัตว์ทุกชนิด บางชนิดมีมาก บางชนิดมีน้อย หรือไม่มีเลย ส่วนใหญ่จะอยู่ในเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ ไขมัน น้ำมัน ในพืชจะไม่มีโคเลสเตอรอลแต่เมื่อกินเข้าไปแล้วอาจทำให้เกิดโคเลสเตอรอลจาก การเปลี่ยนแปลงในร่างกาย เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว กะทิ ที่จริงแล้วอาหารทะเลมีโคเลสเตอรอลน้อย แต่มี LDL-โคเลสเตอรอลมาก ถ้า HDL ต่ำก็เกิดโคเลสเตอรอลเกินได้เช่นกัน

ไขมันในอาหารมีทั้งมองเห็นได้ ง่ายชัดเจน กับมองไม่เห็น ที่มองเห็นได้ชัดเจนมักเป็นไขมันล้วนๆ ในรูปของไขมัน น้ำมัน เนย มาการีน และเป็นไขมันกลุ่มที่ทำให้เกิดโคเลสเตอรอลได้ง่าย ได้แก่ เนย น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว ไขมันจากสัตว์ ส่วนไขมันทำให้เกิดโคเลสเตอรอลได้บ้าง ได้แก่ น้ำมันข้าวโพด น้ำมันถั่วเหลือง ส่วนไขมันที่ทำให้เกิดโคเลสเตอรอลน้อยกว่ากลุ่มอื่นๆ ได้แก่ น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกคอฝอย น้ำมันจากเมล็ดทานตะวัน แต่มักมีราคาสูงและมักมีกลิ่นเฉพาะตัว

ส่วนอาหารที่มีไขมันสูงเป็น ส่วนผสมแต่มองเห็นได้ไม่ชัดเจน ได้แก่ เนยแข็ง ครีม ช็อกโกแลต ถั่วเมล็ดแห้ง อาหารกระป๋องประเภทแช่ในน้ำมัน อาหารเสริมเพิ่มกำลังงาน อาหารถนอมที่ผ่านกรรมวิธี อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก แหนม กุนเชียง และคงทราบกันดีว่าอาหารที่มีปริมาณไขมันต่ำ ได้แก่ ผักสด ผลไม้ เนื้อปลา และไข่ขาว นั่นเอง

ป้องกันโคเลสเตอรอลในเลือดสูงได้อย่างไร

จำกัดอาหารประเภทไขมัน ใน 1 วันไม่ควรใช้นำมันประกอบอาหารเกิน 5 - 7 ช้อนชา สำหรับ
ผู้ใหญ่ทั้งหญิงและชาย รวมผู้สูงอายุด้วย กระทรวงสาธารณสุขแนะนำให้กินน้ำมันให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น

เลือกไขมันจากน้ำมันพืช ได้แก่ น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันข้าวโพด น้ำมันถั่ว
เหลือง น้ำมันรำข้าว เป็นต้น ยกเว้น กะทิ น้ำมันปาล์ม

เพิ่ม HDL-โคเลสเตอรอล ด้วยการออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 20 - 30 นาที
รับประทานปลาแทนเนื้อสัตว์อื่นสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ประกอบกับเลือกเนื้อสัตว์ที่มีไขมันน้อย เช่น เนื้ออก
และเพิ่มอาหารประเภทผักและผลไม้ไม่หวานจัดให้มากขึ้น

ลด LDL-โคเลสเตอรอล จากการกินอาหารหวาน แป้ง น้ำตาลให้น้อยลง ลดเครื่องดื่มที่มี
แอลกอฮอล์ ควบคุมน้ำหนักให้คงที่

กินอย่างฉลาด ปลอดโคเลสเตอรอล

เคล็ด (ไม่) ลับ ในการเลือกอาหารไขมันต่ำ
อาหารเช้า
- มีผลไม้ หรือน้ำผลไม้ 100% &frac12;-1 แก้ว
- ข้าว แป้ง ขนมปัง เลือกชนิดที่ไม่ขัดสี หรือขัดสีน้อยจะได้เพิ่มใยอาหาร (วันละ6-8 ทัพพี)
- ใช้น้ำมันให้น้อยที่สุด เพราะต้องสงวนไว้ใช้ในมื้อเย็น (เพราะกินกับข้าวหลายอย่าง)
- เพิ่มผักในมื้อเช้า 1 ทัพพี

อาหารว่าง
- เลือกกินผลไม้แทนขนมอบประเภทเบเกอรี่
- เครื่องดื่มร้อนหรือเย็นไม่ใส่ครีมผง ถ้าใช้นมขอเป็นนมไขมันต่ำ

อาหารกลางวัน
- เลือกอาหารจานด่วนแบบไขมันน้อย ถ้าเป็นของทอดกรอบ ผัด จะมีน้ำมันมาก
- อาหารจานด่วนที่มีหลายขั้นตอน เช่น ข้าวผัดใส่ไข่ ก๋วยเตี๋ยวผัด กระเพาะปลา แต่ละ ขั้นตอนจะเพิ่มน้ำมันทุกครั้งจึงควรเลี่ยง
- อาหารประเภทก๋วยเตี๋ยวน้ำ ไม่ต้องใส่ น้ำมันเจียว แต่ขอผักเพิ่ม ขอหมูชิ้นไม่ติดมันแทน หมูสับปนมันและไม่ใส่เครื่องใน
- ขนมหวานถ้าอยากรับประทาน ไม่ราดหน้าด้วยกะทิ หรือจะเปลี่ยนเป็นผลไม้หลายรส ก็ดีกว่าเป็นไหนๆ
- ดื่มน้ำสะอาดแทนเครื่องดื่มเย็นประเภทยกล้อ (กาแฟร้อนใส่นมเยอะๆ)

อาหารเย็น
- เลือกไม่ซื้อกับข้าวสำเร็จรูปที่มีกะทิ ผัดเผ็ดแบบทอดกรอบ น้ำมันลอยหน้า แกงจืดที่ซื้อ มาควรอุ่นให้ร้อนๆ ก่อนรับประทาน ถ้ามีน้ำมันกระเทียมเจียวลอยหน้าก็จะได้ตักออกง่าย
- ถ้าชอบผัดผักให้ปรุงแบบไทยสไตล์ฝรั่ง คือใช้น้ำมันแต่น้อย
- เลือกอาหารที่ปรุงแบบ อบ ต้ม ย่าง นึ่ง ยำ ลาบ ตุ๋น ดีกว่าทอดหรือผัด
- เพิ่มผลไม้หวานน้อยๆ เสริมเข้าไป

เมื่ออยากเข้าครัวเอง
Plan เมนูประเภท ต้ม ย่าง อบ นึ่ง ตุ๋น ลาบ อาหารจะได้ไม่ซ้ำซาก
เตรียมเนื้อสัตว์ โดยเลือกซื้อแบบที่เลี่ยงมัน คือ ส่วนหนัง ปีก น่อง คอ ใช้ส่วนที่เป็นเนื้ออก สันใน สันนอก ถ้าเป็นปลาใช้ได้ทั้งตัว
น้ำซุป ลองเปลี่ยนจากน้ำต้มกระดูกหมูหรือไก่ที่มีไขมันมาเป็นน้ำซุปผัก โดยใช้หัวผักกาดขาว คื่นช่าย (ทั้งต้น) แครอท หรือหัวหอมใหญ่ ใส่ซ๊อสปรุงรส (1 ช้อนโต๊ะ) เกลือ น้ำตาลทราย น้ำมันพืช (อย่างละ 1 ช้อนชา) จะได้น้ำซุปหอมอร่อย 1 หม้อเล็ก
ผัดผักแบบไทยสไตล์ฝรั่ง คือใส่น้ำมันน้อย โดยหั่นผักเตรียมไว้ พรมน้ำลงในผักให้ชุ่ม เติมเครื่องปรุงทุกอย่างลงไป ตั้งกระทะใช้ไฟแรง เวลาสั้น เท่านี้ก็ได้ผัดผักจานเด็ดควันฉุย
เลือกน้ำมันให้ถูกต้อง โดยเน้นน้ำมันพืช ยกเว้นกะทิ
เพิ่มรสชาติอาหารด้วยการหมักเครื่องปรุงรส เครื่องเทศต่างๆ ที่เพิ่มกลิ่นหอมให้กับอาหาร

อาหารเพื่อสุขภาพ
ข้าว - แป้ง : เลือกที่ผ่านการขัดสีน้อย
ผัก - ผลไม้ : เลือกรับประทานสดหรือเป็นกระป๋อง แต่ไม่ใช่ทุเรียน อโวคาโด ลำไย มะพร้าวกะทิ
เนื้อสัตว์ : เลือกปลา เต้าหู้ ถั่วเมล็ดแห้ง แทนเนื้อสัตว์ที่มีมัน หนัง หรืออาหารแปรรูป
นมและผลิตภัณฑ์จากนม : เลือกนมไขมันต่ำ ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของครีม
ไขมัน : เลือกน้ำมันพืชแทนไขมันจากสัตว์ กะทิ มะพร้าว

ใยอาหารเกี่ยวข้องอะไรด้วย
ใย อาหารมี 2 ประเภท คือ ประเภทที่ 1 จะช่วยกวาดล้างลำไส้ให้สะอาด ป้องกันมะเร็งลำไส้ ได้แก่ พวกก้านผักต่างๆ ส่วนอีกประเภทหนึ่งจะช่วยโอบอุ้มโคเลสเตอรอลในลำไส้ออกมากับอุจจาระ พวกนี้มีใน ผลไม้ ถั่วเมล็ดแห้ง ผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อย ได้แก่ แอปเปิล มะกอกฝรั่ง สตรอเบอร์รี่ พุทรา ลูกหม่อน ตะขบ ตะลิงปลิง เมล็ดฝักบัว สาลี่ เป็นต้น

เมื่อไปกินอาหารนอกบ้าน
ร้านอาหารใน บ้านเรามาจากทุกทวีป ไม่ว่าจะชิมรสชาติของชาติใดล้วนแล้วแต่อร่อยถูกปากคนไทย เราจึงสมบูรณ์เกินกว่ามาตรฐานชาย-หญิงกันแล้ว เมื่อไปกินอาหารนอกบ้านควรพินิจดังนี้

อาหารฟาสต์ฟูด : เลือกที่ไม่ใส่ชีส ไส้กรอก ของทอด ไข่ มายองเนส เลือกเนื้อสัตว์ที่เป็นเนื้ออก รับประทานกับสลัดผักน้ำใส ถ้าเป็นน้ำข้นราดน้ำน้อยๆ ก็พอไหว ส่วนเครื่องดื่มต้องไม่ใส่ครีม นม หรือประเภทมิลค์เช็คก็ไม่ได้นะคะ ไอศกรีมเห็นทีต้องด แต่ถ้าอดไม่ไหวขอแค่คำสองคำก็น่าจะหายอยากได้ ถ้าเลือกกินอาหารแบบไทย-อีสานได้จะแจ๋วมาก

อาหารอิตาเลียน : คงต้องเลี่ยงพวกชีส เนย หรือซอสที่ผสมครีม เลือกเมนูที่ใช้น้ำมันมะกอกดีกว่า

อาหาร จีน : ส่วนใหญ่ใช้น้ำมันมากและใช้เนื้อสัตว์มีมัน ผัดผักก็มีน้ำมันมากพอดู ควรคีบอาหารส่วนบนๆ น้ำมันน้อย หลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์สับ เพราะมักจะมีมันปนมาก ยิ่งของทอดด้วยแล้วคงต้องงดหรือเพียงแค่ชิมก็พอ ส่วนขนมหวานถ้าเป็นลอยแก้วสบายมากรับประทานได้ แต่ระวังน้ำหนักขึ้นด้วย

อาหาร ญี่ปุ่น : น่าจะดีกว่าเพราะมีไขมันต่ำที่สุด แต่บางอย่างอาจมีเบคอนหรือมายองเนสผสมอยู่ด้วย คงต้องเลือกเมนูก่อนสั่ง แต่ส่วนใหญ่ก็โอเค

การช่วยให้สุขภาพปลอดไขมันส่วนเกินจากอาหารจะสำเร็จได้คงต้องควบคุมพฤติกรรมการกิน
ซึ่ง อาจยากสักหน่อยในช่วงแรกๆ แต่ถ้าทำเป็นประจำก็จะกลายเป็นความเคยชิน เมนูอาหารประจำวันของเรามีมากมายหลากหลายเลี่ยงอย่างหนึ่งมาเลือกอีกอย่าง หนึ่งจึงไม่ใช่เรื่องยาก หรือลดปริมาณการกินอาหารที่มีไขมันลงบ้างก็ยังคงให้คุณอร่อยกับอาหารได้ เหมือนเดิม คุณต้องตั้งมั่นโดยบอกตัวเองและคนที่คุณรักว่าไขมันในเลือดสูงสามารถป้องกัน ได้ด้วยตัวคุณเอง เพียงแค่ลดการกินน้ำตาล ไขมัน เลือกชนิดและส่วนของเนื้อสัตว์ให้ถูกต้อง เพิ่มผัก ผลไม้ ให้ได้ใยอาหาร ควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังกายบ้าง และทำจิตใจให้ผ่องใส นั่นแหละชีวิตที่มีคุณภาพและปลอดไขมันที่เป็นต้นเหตุของโรคมากมาย



ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today
 

อาหารลดอ้วน-สูตรน้ำขจัดไขมัน

อาหารลดอ้วน-สูตรน้ำขจัดไขมัน

รูปภาพประกอบ : อาหารลดอ้วน-สูตรน้ำขจัดไขมันเริ่มจาก ข้อควรรู้เกี่ยวกับอาหารการกิน สำหรับผู้ที่ตั้งหน้าตั้งตาจะไดเอ็ทนั้นจำเป็นต้องพึงเข้าใจว่า ต้องรับประทานอาหารให้ครบทุกมื้อ ครบทุกหมู่ เพียงแต่ลดปริมาณอาหาร

อาหารลดอ้วน-สูตรน้ำขจัดไขมัน

ตามธรรมเนียมของ กินดี ที่ต้องส่งท้ายสัปดาห์ด้วยการกิน-ดื่มเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะอาหารเพื่อการลดหรือควบคุมน้ำหนักที่กล่าวกันมาตั้งแต่ต้นอาทิตย์

ลดขนมขบเคี้ยว ของหวาน และตัดใจจากอาหารขยะ

ใน หมวดของ เนื้อสัตว์ ควรเลือกเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไม่มีหนัง เน้นรับประทานปลาจะดีที่สุด ส่วนวิธีการปรุงควรอบ ย่าง นึ่ง เลี่ยงทำอาหารด้วยการทอดในน้ำมันท่วมล้น ขณะที่ นม เน้นดื่มชนิดจืดพร่องมันเนย หรือนมขาดมันเนย เพราะมีปริมาณไขมันน้อยกว่านมพร้อมดื่ม ควรดื่มไม่เกิน 2 กล่องเล็กต่อวัน (ขนาดกล่องสำหรับผู้ใหญ่)

ส่วน ไข่ เน้นนำไปนึ่ง ต้ม หรือตุ๋น ในช่วงลดน้ำหนักควรลดการรับประทานไข่แดง แต่ละสัปดาห์ไม่ควรเกิน 3 ฟอง สำหรับ ถั่วเมล็ดแห้ง อุดมไปด้วยโปรตีนและไขมันชนิดที่เป็นประโยชน์ มีกากใยอาหารดีต่อระบบขับถ่าย ควรรับประทาน 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์

หมวด ข้าว-แป้ง เน้นข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีท ในแต่ละวันไม่ควรรับประทานมาก เนื่องจากร่างกายจะสังเคราะห์สารอาหารคาร์โบไฮเดรตจากข้าวและแป้งเปลี่ยน เป็นน้ำตาล ถ้าสะสมในปริมาณมากเกินความต้องการจะทำให้อ้วน

การรับ ประทาน ผลไม้ ที่มีคาร์โบไฮเดรตเช่นเดียวกับข้าวและแป้ง ซึ่งควรเลือกรับประทานผลไม้รสไม่หวานจัดแทนขนมหวาน อาทิ ส้ม ชมพู่ มะละกอ แตงโม ฝรั่ง สับปะรด เพื่อให้วิตามินและเกลือแร่ที่มีในผลไม้ ควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายได้เป็นไปอย่างปกติ และเพิ่มใยอาหารเสริมการทำงานระบบขับถ่าย ควรรับประทานทั้งผลสด ๆ

สำหรับ ผักใบเขียวและขาว มีสารอาหารอยู่ในหมวดหมู่เดียวกับผลไม้ ควรรับประทานเป็นประจำ แต่ควรสลับกับผักที่มีสีแดง-แสด อย่าง แครอต ฟักทอง มะเขือเทศ

ใยอาหาร พบได้ในผัก ผลไม้ ข้าวซ้อมมือ แม้ร่างกายของคนเราจะไม่สามารถย่อยได้จึงต้องขับถ่ายออกมาเป็นของเสีย แต่กากใยเมื่ออยู่ในกระเพาะหรือลำไส้จะเกิดการพองตัว ทำให้ไม่รู้สึกหิวบ่อย แถมยังช่วยดูดซับไขมัน น้ำตาล สารพิษ แล้วขับออกจากร่างกาย

ขณะที่ ไขมันจากสัตว์ เช่น น้ำมันหมู ไขมันจากพืช อย่าง กะทิและน้ำมันมะพร้าว ควรงดเพราะมีไขมันที่จะเปลี่ยนเป็นคอเลสเตอรอล รับประทานมากไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ ส่วนไขมันจากพืชในรูปของน้ำมันพืช รับประทานได้แต่เพียงน้อย

มาถึงสูตรเครื่องดื่ม ที่มีสรรพคุณลดความอ้วนและขจัดไขมันส่วนเกิน ที่ใช้ผักและผลไม้เป็นส่วนผสม มี แครอต อันอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน ในทางโภชนาการชี้ว่า แครอตสามารถขจัดไขมันส่วนเกินจากตับ ดีต่อการย่อยอาหาร ส่วน กีวี จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ไม่ทำให้เป็นหวัดง่าย

ก่อนปรุงดื่ม มาเตรียมส่วนผสมตามสัดส่วน ดังนี้
แครอต 1 ถ้วย
กีวี 1 ถ้วย
น้ำแข็งป่น 1 ถ้วย

โดย วิธีการปรุง ให้นำแครอตไปขูดเป็นเส้น ส่วนกีวีปอกเปลือกก่อนฝานเป็นแว่นชิ้นบาง ๆ จากนั้นนำส่วนผสมทั้งสองชนิดไปสกัดรวมกันด้วยเครื่องสกัดน้ำผักและผลไม้ เสิร์ฟพร้อมน้ำแข็งป่นเพิ่มความเย็นสดชื่น ดื่มเป็นประจำจะช่วยขจัดไขมันส่วนเกิน.

ดริ๊ง! ลดไขมันในเลือด

ดริ๊ง! ลดไขมันในเลือด

รูปภาพประกอบ : ดริ๊ง! ลดไขมันในเลือด
ดริ๊ง! ลดไขมันในเลือด

ตัวอย่าง สรรพคุณของส่วนผสมคือ แอปเปิล มีประโยชน์ต่อหัวใจ เพราะสารเพกตินและวิตามินซีจะช่วยให้ระดับโคเลสเตอรอลอยู่ในระดับคงที่ 'สารเพกติน' ช่วยปกป้องจากมลภาวะต่าง ๆ ช่วยขับสารตะกั่วและโลหะอื่น ๆ ที่ร่างกายไม่ต้องการออกไป



ยาอายุวัฒนะที่ดีที่สุดคือ การออกกำลังกาย ที่ต้องปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ แต่อีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กันคือ อาหาร การกิน ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา มุมสุขภาพ นำเสนอเรื่องราวของโรคภัยไข้เจ็บที่เกี่ยวกับ ภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ หลังรู้สาเหตุและวิธีป้องกันไปแล้ว มาอิ่มอร่อยส่งท้ายสัปดาห์กับเมนูสุขภาพ เครื่องดื่มลดไขมันในเลือด สูตรจากหนังสือ 80 สูตรน้ำผัก-ผลไม้ เพื่อการล้างพิษและฟื้นฟูสุขภาพ โดย ภาณุพงศ์ คำวชิรพิทักษ์

'กรดมาลิกและกรดทาทาริก' ช่วยระบบหายใจและยังช่วยขจัดโปรตีนและไขมันส่วนเกินในร่างกาย แครอต มีเบต้าแคโรทีนจำนวนมาก ช่วยในการมองเห็นและป้องกันโรคไขข้อและเส้นเลือดตีบตัน พริกหยวก มีสารให้ความเผ็ดที่เรียกว่า 'แคปไซซิน' มีคุณสมบัติช่วยกำจัดเซลล์มะเร็ง โดยความเผ็ดของพริกจะช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของโลหิต ขับเหงื่อ และกระตุ้นระบบเมตาบอลิสซึ่มหรือระบบเผาผลาญอาหารให้ทำงานดีขึ้น ทำให้ไขมันไม่จับตัวอยู่ในร่างกาย

ส่วนผสม
แครอต 1 ถ้วย
แอปเปิลเขียว   1/2 ถ้วย
มะเขือเทศ       1/2 ถ้วย
น้ำผึ้ง             2 ช้อนชา
น้ำมันมะกอก     2 ช้อนชา
มะนาว            1 ผล
พริกหยวก        1/2 ถ้วย
พริกไทย         1/4 ถ้วย
น้ำแร่             1 ถ้วย


วิธี ทำ ล้างผักและผลไม้ให้สะอาด นำมะนาวมาคั้น หั่นมะเขือเทศ แครอต และแอปเปิลเขียวเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ควักไส้พริกหยวกออกแล้วซอยเป็นเส้นเล็ก ๆ บุบเม็ดพริกไทยให้แตก นำส่วนผสมทั้งหมดมาปั่นรวมกัน เติมน้ำแร่เพื่อง่ายต่อการดื่ม เติมน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ แต่งรสชาติให้น่าดื่มด้วยน้ำผึ้ง ปั่นส่วนผสมทั้งหมดอีกรอบ ดื่มได้ทันที



ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
 

พลังพืช ดื่มลดไขมันในเลือด

พลังพืช ดื่มลดไขมันในเลือด

รูปภาพประกอบ : พลังพืช ดื่มลดไขมันในเลือด

หากปล่อย ให้ระดับไขมันในเลือดสูง นานวันเข้าต้องระวัง เบาหวาน ถามหา ยิ่งถ้าป่วยเรียบร้อยโรงเรียนเบาหวานแล้วล่ะก็ จะรับประทานอะไรก็ต้องระวังเรื่องน้ำตาล หมดสนุกกับการใช้ชีวิตแสนสุข

พลังพืช ดื่มลดไขมันในเลือด


หากปล่อยให้ระดับไขมันในเลือดสูง นานวันเข้าต้องระวัง เบาหวาน ถามหา ยิ่งถ้าป่วยเรียบร้อยโรงเรียนเบาหวานแล้วล่ะก็ จะรับประทานอะไรก็ต้องระวังเรื่องน้ำตาล หมดสนุกกับการใช้ชีวิตแสนสุข

มุม สุขภาพ-กินดี เห็นว่าการใส่ใจแก้ไขปัญหาสุขภาพแต่เนิ่น ๆ ย่อมดีกว่าการจัดการที่ปลายเหตุ วันนี้จึงเตรียมสูตรเครื่องดื่มลดไขมันในเลือด อีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงเป็นหวานได้

เครื่องดื่มแก้วนี้อาจมีส่วนผสม มากอย่างสักหน่อย แถมรสชาติอาจไม่ละมุนนุ่มลิ้น แต่เพื่อสุขภาพแล้ว จงอย่าได้ปฏิเสธที่จะรับคุณค่าจาก แครอท ที่มีคุณสมบัติขจัดไขมันส่วนเกินจากตับ ดีต่อตับและระบบเลือด พริกหยวก เพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบย่อยอาหาร เช่นเดียวกับ มะเขือเทศ

ขณะที่ แอปเปิ้ล จะเข้าไปทำความสะอาดตับ น้ำมะนาว ปรับสภาพร่างกายให้เป็นด่าง ช่วยให้ตับผลิตน้ำดีได้อย่างเป็นปกติ น้ำผึ้ง นอกจากช่วยแต่งรสชาติให้ดื่มง่ายขึ้นแล้ว ยังช่วยฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ แบคทีเรีย บำรุงเลือด ลดความดันโลหิตสูง

น้ำมันมะกอก มีไขมันดีที่จะเข้าควบคุมระดับไขมันในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม และ พริกไทย เป็นส่วนผสมที่ช่วยเสริมระบบการย่อยอาหารนั่นเอง

มีส่วนผสม เตรียมตามปริมาณต่อไปนี้...

แครอท                1 ถ้วย
แอปเปิ้ลเขียว   1/2 ถ้วย
มะเขือเทศ      1/2 ถ้วย
น้ำผึ้ง                  2 ช้อนชา
น้ำมันมะกอก        2 ช้อนชา
มะนาว                1 ผล
พริกหยวก      1/4 ถ้วย
พริกไทย        1/4 ถ้วย
น้ำแร่                 1 ถ้วย

ขั้นตอนในการทำ เริ่มด้วยการล้างผักและผลไม้ให้สะอาด นำมะนาวไปคั้นเอาแต่น้ำ ส่วนมะเขือเทศ แครอท แอปเปิ้ลเขียว ให้เป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า สำหรับพริกหยวกให้ควักไส้ออกแล้วซอยเป็นเส้นเล็ก ๆ เม็ดพริกไทยบุบให้แตก นำส่วนผสมที่เตรียมไปปั่นพร้อมกัน จากนั้นเติมน้ำแร่ น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ ปรุงรสชาติให้ดื่มง่ายด้วยน้ำผึ้ง แล้วปั่นรวมกันอีกรอบ เสร็จแล้วควรดื่มทันที.




ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
 

สูตรอาหารลดน้ำหนัก

สูตรอาหารลดน้ำหนัก

รูปภาพประกอบ : สูตรอาหารลดน้ำหนัก

สูตรอาหารลดน้ำหนัก


สูตรอาหารสัปดาห์ที่ 1 : โปรแกรม Detox 7 วัน
สูตรอาหารสัปดาห์ที่ 2–3 : โปรแกรมอาหารลดสัดส่วน 14วัน
สูตรอาหารสัปดาห์ที่ 4 : โปรแกรม Height Metabolic Nutrient 9 วัน
สูตรอาหารสัปดาห์ที่ 5–6 : โปรแกรม Body Balance 14 วัน

สัปดาห์ที่ 1

โปรแกรม Detox 7 วัน

Day 1 รับประทานเหมือนกันทั้ง 3 มื้อ

น้ำผลไม้ 1 แก้ว / ผลไม้รวม 1 จานใหญ่ (ห้าม!! ทุเรียน มะม่วง องุ่น และกล้วยทุกชนิด)



Day 2 น้ำผลไม้ 1 แก้ว / ผลไม้รวม 1 จานใหญ่

(ห้าม!! ทุเรียน มะม่วง องุ่น และกล้วยทุกชนิด)


มื้อกลางวันและมื้อเย็นเหมือนกัน มีอาหารให้เลือกดังนี้

สลัดผักน้ำสลัดน้ำใส 1 จานใหญ่ / น้ำผลไม้ 1 แก้ว / ผลไม้ 1 จาน
แกงจืดผักรวมมิตร 1 ถ้วยโต (ห้ามใส่น้ำมัน และงดรับประทานเนื้อสัตว์) / น้ำผลไม้ 1 แก้ว / ผลไม้ 1 จาน
ผัดผัก 1 จานใหญ่ (ไม่ใส่น้ำมัน ใช้น้ำซุปแทนน้ำมัน) / ผลไม้ 1 จาน / น้ำผลไม้ 1 แก้ว

Day 3 มื้อกลางวันและมื้อเย็นเหมือนกัน มีอาหารให้เลือกดังนี้

ข้าวซ้อมมือ 2 ทัพพี / แกงจืดผักรวม, จับฉ่าย หรือแกงจืดสาหร่ายทะเล (ไม่ใส่เนื้อสัตว์)
ข้าวซ้อมมือ 2 ทัพพี / ผัดผักรวม 1 จาน (ไม่ใส่เนื้อสัตว์)
สลัดผัก น้ำสลัดน้ำใส 1 จานใหญ่ / ผลไม้ 1 จาน / น้ำผลไม้ 1 แก้ว

ภายใน 3 วันแรก ทานอาหารได้ไม่จำกัดปริมาณ ถ้าไม่อิ่มสามารถเพิ่มสัดส่วนอาหารได้จากเมนูที่กำหนด

Day 4 - 7

เช้า ขนมปังโฮลวีทเปล่าๆ 2 แผ่น / น้ำผลไม้สูตรพิเศษ* 1 แก้ว

มื้อกลางวันและมื้อเย็นเหมือนกัน มีอาหารให้เลือกดังนี้

ไก่ย่าง, หมูย่าง หรือปลาย่าง ขนาดประมาณ 100 กรัม หรือ
ประมาณ 1 ฝ่ามือ / ผักลวก 1 จาน (ทานกับน้ำจิ้มแจ่ว หรือน้ำพริก) / น้ำผลไม้สูตรพิเศษ 1 – 2 แก้ว
สเต๊กปลา, ไก่, เนื้อ หรือเต้าหู้ ขนาด 1 ฝ่ามือ ทานกับผักสุก เช่น ผักขม, ถั่วแขก หรือแครอทลวก / แอปเปิ้ลเขียว 1 ผล
สลัดไก่อบ, ทูน่า หรือเต้าหู้ ขนาดประมาณ 100 กรัม หรือ
ประมาณ 1 ฝ่ามือ กับน้ำสลัดน้ำใส / ผลไม้รวม 1 จาน / น้ำผลไม้สูตรพิเศษ

ภายใน 4 วันนี้ ทานแบบจำกัดปริมาณ โดยจะต้องดื่มน้ำผลไม้สูตรพิเศษ* เพื่อปรับควาสมดุลตลอดทั้งวัน และตัองดื่มให้หมดภายในวันนั้น

ข้อห้าม : ห้ามทานอาหารหลัง 18.00 น. เด็ดขาด

* สูตรน้ำผลไม้ : ส้ม 4 ผล / มะนาว 2 ผล / น้ำเปล่า 1.5 ลิตร / น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ ผสมรวมกัน แช่ตู้เย็นไว้ได้



ข้อห้าม
ห้ามทานอาหารรสจัด ขอให้รสชาติอาหารเป็นรสกลางๆ ถ้าไม่ปรุงรสได้จะยิ่งดี
ห้ามรับประทานอาหารหลัง 19.00 น.เด็ดขาด
พยายามนอนเร็วๆ อย่านอนดึก
ห้ามรับประทานเนื้อสัตว์เด็ดขาด ถ้าปนอยู่ในอาหาร สามารถเขี่ยออกได้

สูตรอาหารสัปดาห์ที่ 2–3

โปรแกรมอาหารลดสัดส่วน 14 วัน

Day 1

เช้า น้ำเปล่าแก้วโต บีบมะนาว 1 ซีก / ขนมปังโฮลวีทปิ้ง 1 แผ่น / กล้วยน้ำว้า 2 ผล หรือกล้วยหอม 1 ผล

กลางวัน ไก่ย่าง 1 น่องใหญ่ หรือปลาย่าง 1 ตัวกลาง จิ้มน้ำจิ้มได้นิดหน่อย รับประทานกับผักสดหรือผักลวกก็ได้ / แอปเปิ้ล 1 ผล

เย็น สลัดไก่อบ 1 จาน น้ำสลัดน้ำใส (งดน้ำข้น)


Day 2

เช้า น้ำเปล่าแก้วโต บีบมะนาว 1 ซีก / ขนมปังโฮลวีทปิ้ง 1 แผ่น / กล้วยน้ำว้า 2 ผล หรือกล้วยหอม 1 ผล

กลางวัน สเต๊ก 1 ที่ ทานกับผักลวกที่เสิร์ฟมาพร้อมกับสเต๊ก (ราดน้ำเกรวี่น้อยๆ และงดมันฝรั่ง)

เย็น
(เลือกเมนู) – ปลาทู 2 ตัว (นึ่ง, ย่าง, อบ หรือทอดก็ได้) ทานกับผักสด หรือผักลวก และน้ำพริก 1 ถ้วยเล็ก (ประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ)
– สลัดปลาทูน่า (ใช้ทูน่าในน้ำแร่ หรือน้ำเกลือ) ทานกับน้ำสลัดน้ำใส


Day 3

เช้า น้ำเปล่าแก้วโต บีบมะนาว 1 ซีก / ขนมปังโฮลวีทปิ้ง 1 แผ่น / กล้วยน้ำว้า 2 ผล หรือกล้วยหอม 1 ผล

กลางวัน เกาเหลารวมมิตร (งดน้ำมันกระเทียมเจียว) 1 ชาม / สาลี่ หรือฝรั่ง 1 ผลเล็ก

เย็น ไข่ตุ๋นทรงเครื่อง 1 ถ้วย (ไข่ 1-2 ฟอง) ใส่ผักโขม หรือเห็ดหอมด้วยก็ได้


Day 4

เช้า น้ำเปล่าแก้วโต บีบมะนาว 1 ซีก / ขนมปังโฮลวีทปิ้ง 1 แผ่น / กล้วยน้ำว้า 2 ผล หรือกล้วยหอม 1 ผล

กลางวัน สุกี้ยากี้น้ำ (ไม่ใส่วุ้นเส้น น้ำจิ้มสุกี้ 2 ช้อนโต๊ะ เนื้อสัตว์ 150 กรัม) / ฝรั่ง 1 ผล

เย็น ปูอัด 8-10 ชิ้น จิ้มกับน้ำจิ้มวาซาบิ ทานกับแครอทและหัวไชเท้าขูดฝอยตามต้องการ / ซุปเต้าหู้ 1 ถ้วย


Day 5

เช้า น้ำเปล่าแก้วโต บีบมะนาว 1 ซีก / ขนมปังโฮลวีทปิ้ง 1 แผ่น / กล้วยน้ำว้า 2 ผล หรือกล้วยหอม 1 ผล

กลางวัน เกาเหลาเย็นตาโฟ (สั่งพิเศษได้ แต่งดน้ำมันกระเทียมเจียว) / สับปะรด 1/8 ลูก

เย็น ปลาลวก (เนื้อปลา 200 กรัม) จิ้มน้ำจิ้มซีฟู๊ด รับประทานกับคึ่นฉ่าย หรือก้านคะน้ากรอบ หรือผักอะไรก็ได้


Day 6

เช้า น้ำเปล่าแก้วโต บีบมะนาว 1 ซีก / ขนมปังโฮลวีทปิ้ง 1 แผ่น / กล้วยน้ำว้า 2 ผล หรือกล้วยหอม 1 ผล

กลางวัน
(เลือกเมนู) – สตูว์น่องไก่ รับประทานกับผักลวก
– ปลาซาบะย่าง 1/2 ตัว รับประทานกับผักสด / ส้ม 1 ผล

เย็น
(เลือกเมนู) – แกงเลียง 1 ถ้วยโต
– ต้มจับฉ่าย 1 ถ้วยโต (อย่าให้มันมาก)
– แกงจืดอะไรก็ได้ 1 ถ้วยโต


Day 7

เช้า น้ำเปล่าแก้วโต บีบมะนาว 1 ซีก / ขนมปังโฮลวีทปิ้ง 1 แผ่น / กล้วยน้ำว้า 2 ผล หรือกล้วยหอม 1 ผล

กลางวัน
(เลือกเมนู) – ไก่ย่าง 1 น่องใหญ่ / ส้มตำ 1 จาน (ไม่ใส่ถั่วลิสง)
– ปลาย่าง1 ตัว / ส้มตำ 1 จาน (ไม่ใส่ถั่วลิสง)

เย็น ผักลวก 1 จานใหญ่ / น้ำพริก 3 ช้อนโต๊ะ / ไข่ต้ม 1 ฟอง (ถ้าทานแต่ไข่ขาว รับประทานได้ 3 ฟอง)


พอทำครบ 7 วัน กลับไปเริ่มทำตามวันที่ 1 – 7 ใหม่อีก 1 ครั้ง

ห้ามรับประทานอาหารมื้อเย็น หลัง 19.00 น.
เครื่องดื่มหลังอาหาร ต้องเป็นน้ำเปล่าเท่านั้น
งดแป้ง, ข้าว หรือเส้น เด็ดขาด
ถ้า ไม่สามารถหาอาหารตามเมนูได้ ให้ยึดหลักง่ายๆ คือ ตอนเช้าทานแป้งได้ แต่มื้อกลางวัน และมื้อเย็น ให้รับประทานเนื้อสัตว์ ปริมาณ 200 กรัม (ประมาณ 1 ฝ่ามือ) ทานคู่กับผัก

สัปดาห์ที่ 4

โปรแกรม Height Metabolic Nutrient 9 วัน

Day 1-2

เช้า ขนมปังโฮลวีทไฮไฟเบอร์ 1 แผ่น / น้ำผลไม้ 1 แก้ว (200 ซีซี)

กลางวัน ข้าวกล้อง 1 ทัพพี / แกงส้มกุ้ง หรือปลา 1 ถ้วยกลาง / ไข่ต้ม 1 ฟอง / ส้ม 1 ผล

เย็น ปลาหรือไก่ย่าง ขนาดเท่า 1 ฝ่ามือ / ส้มตำ 1 จาน (ไม่ใส่ถั่วลิสง)


Day 3-4

เช้า น้ำเต้าหู้จืดหรือนมสดไขมันต่ำ 1 แก้ว (200 ซีซี) / แอปเปิ้ล 1 ผล หรือกล้วยน้ำว้า 2 ผล หรือกล้วยหอม 1 ผล

กลาง วัน ข้าวกล้อง 1 ทัพพี / แกงเลียง 1 ถ้วยกลาง / น้ำพริกปลาทู หรือน้ำพริกกะปิ รับประทานกับผักลวก (งดผักทอด เช่น ชะอม และมะเขือทอด)

เย็น เกาเหลารวมมิตรพิเศษ 1 ถ้วย (งดน้ำมัน)


Day 5

เช้า ขนมปังโฮลวีทไฮไฟเบอร์ 1 แผ่น / น้ำผลไม้ 1 แก้ว (200 ซีซี)

กลางวัน ข้าวกล้อง 1 ทัพพี / ไก่ผัดขิงใส่หอมใหญ่ (ไม่มัน) 1 จาน (เนื้อไก่ประมาณ 1 ฝ่ามือ) / สับปะรด 1 ชิ้น

เย็น ไข่ต้ม 2 ฟอง / ผักลวก 1 จาน / น้ำพริกกะปิ 4 ช้อนโต๊ะ (ถ้าเป็นน้ำพริกที่ใช้น้ำมันผัดให้ทานได้แค่ 2 ช้อนโต๊ะ) ถ้าไม่ทานน้ำพริกเปลี่ยนเป็นน้ำยำ หรือน้ำสลัดน้ำใสก็ได้


Day 6-7

เช้า ขนมปังโฮลวีทไฮไฟเบอร์ 1 แผ่น / น้ำเต้าหู้จืดหรือนมสดไขมันต่ำ 1 แก้ว (200 ซีซี)

กลางวัน ข้าวกล้อง 1 ทัพพี / แกงป่าลูกชิ้นปลากรายพริกไทยสด (ลูกชิ้นปลากราย 8-10 ลูก พยายามรับประทานพริกไทยสดด้วย)

เย็น ปลาลวกจิ้มน้ำจิ้ม 1 ขีด ทานกับผักลวก 1 จาน หรือปูอัด 1 ขีด รับประทานกับวาซาบิ + ซีอิ๊ว และผักสด


Day 8-9

เช้า ขนมปังโฮลวีทไฮไฟเบอร์ 1 แผ่น / น้ำผลไม้ 1 แก้ว (200 ซีซี)

กลางวัน เกาเหลาราดหน้า 1 จาน หรือวุ้นเส้นน้ำต้มยำ 1 ชาม (ไม่ใส่น้ำมัน) / ฝรั่ง 1 ผล

เย็น ยำรวมมิตรไม่ใส่วุ้นเส้น หรือน้ำตกทะเล หรือลาบปลา หรือเมี่ยงปลาทู 1 จาน



สัปดาห์ ที่ 5-6

โปรแกรม Body Balance 14 วัน

Day 4

เช้า แซนวิชทูน่า 1 คู่ / น้ำเต้าหู้ (ไม่หวาน) หรือนมสดไขมันต่ำ 200 ซีซี

กลางวัน ข้าวเหนียว 1 กำมือ / ส้มตำไม่ใส่ถั่วลิสง 1 จาน / ไก่ย่าง 1 น่อง

เย็น ข้าว 1/2 ทัพพี / ไข่ต้ม 1 ฟอง / น้ำพริกกุ้งสด กับผัดลวก 1 ชุด / แกงจืดตำลึง 1 ถ้วยเล็ก


Day 5

เช้า น้ำผลไม้รวม 1 แก้ว / แอปเปิ้ล 1 ผลใหญ่ / โยเกิร์ตไขมันต่ำ 1 กระปุก

กลางวัน ข้าว 1 ทัพพี / เกาเหลารวมมิตร (งดน้ำมันกระเทียมเจียว) 1 ถ้วย / ฝรั่ง 1 ผล หรือ แตงโม 12 ชิ้นคำ

เย็น สเต๊กปลา หรือไก่ หรือเนื้อ หรือหมู 1 จาน (งดมันฝรั่งทอด) / ผักลวก / น้ำเปล่า

Day 6

เช้า ข้าว 1 ทัพพี / ไข่พะโล้ 1 ลูก / ผัดผักกุ้งสด 1 จานเล็ก / ส้ม 1 ผล / น้ำเปล่า


กลางวัน
(เลือกเมนู) เส้นหมี่ราดหน้าทะเล 1 จาน (ผักเยอะๆ เส้นน้อยๆ) / มะละกอ 12 ชิ้นคำ


เย็น
(เลือกเมนู) – อาหารทะเลเผา : ปลานึ่งมะนาว หรือปลาเผา 1/2 ตัว / กุ้ง 2 ตัว / ปูม้า 1 ตัว รับประทานกับผักสด หรือผักลวก / น้ำเปล่า
– อาหารญี่ปุ่น : ซาซิมิ 1 ชุดใหญ่ จิ้มซีอิ๊วและวาซาบิได้ / น้ำเปล่า

Day 7

เช้า โยเกิร์ตไขมันต่ำ 1 กระปุก / แอปเปิ้ล 1 ผลใหญ่


กลางวัน
(เลือกเมนู) เกาเหลาพิเศษ 1 ถ้วย (งดน้ำมันกระเทียมเจีย )/ แอปเปิ้ล 1 ผลใหญ่ หรือ ฝรั่ง 1 ผล

เย็น สุกี้ยากี้น้ำ 1 ชาม / น้ำเปล่า
พอทำครบ 7 วัน กลับไปเริ่มทำตามวันที่ 1 – 7 ใหม่อีก 1 ครั้ง

************************************

ห้ามรับประทานอาหารมื้อเย็น หลัง 19.00 น.
พยายาม หลีกเลี่ยงอาหารต่อไปนี้ รวมทั้งแกงหรือผัดพริกแกงที่มส่วนผสมของน้ำมันและกะทิ เช่น ไข่เจียว ไข่ดาว หมูทอด ไก่ทอด ปลาทอด ลูกชิ้นทอด และแกงกะทิ เช่น แกงเขียวหวานไก่ ต้มข่าต่างๆ แกงมัสมั่น พะแนง ผัดพริกปลาดุก แกงเผ็ดไก่

....เครื่องดื่มหลังอาหารควรเป็นน้ำเปล่าเท่านั้น
งดแป้ง ข้าว หรือเส้นเด็ดขาด
พยายามหลีกเลี่ยงอาหารต่อไปนี้ รวมทั้งแกงหรือผัดพริก
แกงที่มส่วนผสมของน้ำมันและกะทิ เช่น ไข่เจียว ไข่ดาว
หมูทอด ไก่ทอด ปลาทอด ลูกชิ้นทอด และแกงกะทิ
เช่น แกงเขียวหวานไก่ ต้มข่าต่างๆ แกงมัสมั่น พะแนง ผัด
พริกปลาดุก แกงเผ็ดไก่


ข้อมูลจาก สุดสัปดาห์ [คลับลดความอ้วน]
 

สูตรลดพุง

สูตรลดพุง

รูปภาพประกอบ : สูตรลดพุง
"ดื่ม 2เดือน ไขมันที่พุงจะหายไป" ทั้งหมดนี้ปั่นรวมกันจะช่วยฟื้นฟู ตับ ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก ตับอ่อน ไต การควบคุมอาหารจะเกิดประโยชน์สูงสุด เมื่อพักผ่อนระหว่าง 21.00 - 03.00น.

1.ผักกาดหอม 2ใบ (กล้ามเนื้อ กระดูกเส้นเอ็น และทำให้ปอดแข็งแรง)
2.ขึ้นฉ่าย 2ก้าน (ช่วยการหมุนเวียนโลหิต และหลอดเลือดแข็งแรง)
3.มะเขือเทศ 1ลูก (เม็ดเลือดแข็งแรง)
4.หอมใหญ่ 1/4ลูก (หัวใจแข็งแรง)
5.มะนาว 1ลูก (ช่วยฟื้นฟูภูมิคุ้มกัน)
6.แอปเปิ้ล 1ลูก (ให้พลังงานสำรองม้ามสูงมาก)
7.น้ำเปล่า 2-4แก้ว

"ดื่ม 2เดือน ไขมันที่พุงจะหายไป" ทั้งหมดนี้ปั่นรวมกันจะช่วยฟื้นฟู ตับ ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก ตับอ่อน ไต การควบคุมอาหารจะเกิดประโยชน์สูงสุด เมื่อพักผ่อนระหว่าง 21.00 - 03.00น.


อ้างอิงข้อมูลมาจาก บทความ ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธ์วงศ์ ได้ทำการทดลองและติดตามผลมากกว่า3ปี

สูตรลดน้ำหนักดารา ซันนี่ (พระเอกเรื่องเพื่อนสนิท)

สูตรลดน้ำหนักดารา ซันนี่ (พระเอกเรื่องเพื่อนสนิท)

รูปภาพประกอบ : สูตรลดน้ำหนักดารา ซันนี่ (พระเอกเรื่องเพื่อนสนิท)


สูตรลดน้ำหนัก Sunny

สูตรซันนี่ (พระเอกเรื่องเพื่อนสนิท)

วันที่ 1
เช้า ชา/กาแฟไม่ใส่น้ำตาล
กลางวัน ไข่ต้ม 2 ฟอง+ผักต้ม
เย็น เนื้อย่างไม่ติดมัน+สลัดน้ำใส+ผลไม้

วันที่ 2
เช้า ชา+ขนมปังโฮลวีท
กลางวัน สเต็ก+สลัดผักเขียว+ผลไม้
เย็น แฮมแผ่นต้มเท่าไรก้อได้

วันที่ 3
เช้า ชา+ขนมปัง 2 แผ่น
กลางวัน ไข่ต้ม 2 ฟอง+สลัด+แครอทต้ม
เย็น แฮมแผ่นต้มเท่าไรก้อได้

วันที่ 4
เช้า ชา+ขนมปัง 1 แผ่น
กลางวัน ไข่ต้ม 1 ฟอง+แครอทต้ม
เย็น โยเกิร์ตรสธรรมชาติ+ผลไม้

วันที่ 5
เช้า ชา/กาแฟดำ
กลางวัน ปลาเผา+ผักต้ม
เย็น สเต็ก + สลัด

วันที่ 6
เช้า ชา
กลางวัน ไก่ย่างไม่มีหนัง
เย็น ไข่ต้ม2ฟอง+แครอทต้ม

วันที่ 7
เช้า ชาบีบมะนาว
กลางวัน ผลไม้ปริมาณตามใจชอบ
เย็น อะไรก้อได้ไม่จำกัดปริมาณ

กิน2รอบนะคะ คือ 14 วัน sunny ลดได้ 6-8 โลเลยอ่ะ



ข้อมูลจาก bloggang.com
 

ลดความอ้วนแบบนับ 1 2 3 ความอ้วนกับโรคร้ายและบอกเคล็ดไม่ลับกับการลดความอ้วน

ลดความอ้วนแบบนับ 1 2 3 ความอ้วนกับโรคร้ายและบอกเคล็ดไม่ลับกับการลดความอ้วน

รูปภาพประกอบ : ลดความอ้วนแบบนับ 1 2 3 ความอ้วนกับโรคร้ายและบอกเคล็ดไม่ลับกับการลดความอ้วน

"ความอ้วนเป็นปัญหาของผู้คนจำนวนมากในบ้านเรา ผู้ที่ให้ความสำคัญกับรูปร่างโดยเฉพาะผู้หญิง ดูจะห่วงเรื่องนี้เป็นพิเศษ ความอ้วนทำให้อัตราการเสียชีวิตสูงขึ้น เพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหลายอย่าง เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และเบาหวาน การรักษาความอ้วน มีหลายวิธี การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การผ่าตัด และการใช้ยาเป็นวิธีหลักๆ ที่ใช้มากมียาใหม่ๆ ออกสู่ตลาดเรื่อยๆ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม รวมถึง การออกกำลังกายและการรับประทานอาหารยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุด สำหรับการลดความอ้วนระยะยาว"

ความอ้วนกับโรคภัยไข้เจ็บ
การ มีน้ำหนักมากเกินมีความสัมพันธ์กับอัตราการเสียชีวิตสูงขึ้นครับ หมายความว่า คนอ้วนตายมากกว่าคนผอมและยังสัมพันธ์กับปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ต่อการตายที่สูงขึ้นของโรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง และโรคเบาหวานอีกด้วย

ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงมีอยู่ไม่น้อย ที่เกี่ยวกับ น้ำหนักตัวมากเกินไป คนอ้วนมีโอกาสที่จะมีโคเลสเตอรอลในเลือด สูงกว่าคนผอมถึง 50% และยังมักมีไขมันชนิดอื่นสูงอีกด้วย โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันก็ชอบคนอ้วนครับเป็นมากกว่าคนผอม หรือคนไม่อ้วนแยะทีเดียว โรคเบาหวานก็เป็นอีกโรคที่ชอบความอ้วน อ้วนปานกลางจะทำให้เป็นโรคเบาหวานสูงถึง 5 เท่า ถ้าอ้วนมาก จะเป็นเบาหวานสูงขึ้น 10 เท่าเลยล่ะ

สำหรับผู้ชายอ้วนมีโอกาสตายจาก มะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็ง ต่อมลูกหมากสูงกว่าคนไม่อ้วน ในผู้หญิงอ้วนก็มีโอกาสเสียชีวิตสูง จากมะเร็งของโพรงมดลูก, ถุงน้ำดี, ปากมดลูก, รังไข่ และมะเร็งเต้านมครับ

คนอ้วนโดยทั่วไปจะมีความ เสี่ยงสูงขึ้นต่อการเกิดโรคของถุงน้ำดี, โรคปอด, โรคเกาต์, มะเร็ง และโรคข้ออักเสบ ครับ เรียกว่า รับเลอะเลยทีเดียว สิ่งที่ตามมาติดๆ ก็คือ การเสียเงินเสียทองเยียวยารักษา เป็นภาระอันหนักอึ้งแสนสาหัสของครอบครัวและของรัฐบาลด้วย

สาเหตุของความอ้วน
คน อ้วนส่วนใหญ่อาจเรียกได้ว่า "อ้วนเอง" คือ ไม่ได้มีโรค อันเป็นเหตุให้อ้วนโดยตรง นอกเหนือจากการกินเข้ามามากกว่า การใช้ออกไป มีน้อยมากครับที่อ้วนจากโรค เช่น โรคของต่อมไร้ท่อบางชนิด, โรคทางพันธุกรรม, อ้วนจากยาหรือจากโรคของระบบประสาท
ปัจจุบันเราถือว่า การอ้วนเป็นภาวะอันเกิดจาก หลายปัจจัยร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธ์, วัฒนธรรม, สังคม, เศรษฐกิจ, พฤติกรรม และปัจจัยด้านสถานการณ์รอบด้านครับ

แนวทางแก้ไขความอ้วน
คง ต้องยอมรับครับว่า การลดความอ้วนให้ได้ผลระยะยาวนั้น เป็นเรื่องยาก ตัวแปรหลักอยู่ที่ตัวผู้อ้วนเอง ไม่ใช่หมอ สำหรับหมอ เราก็ถือว่า ความอ้วนก็เช่นเดียวกับเบาหวานหรือความดันสูง คือ เป็นโรคเรื้อรัง หายขาดยาก ได้แค่บรรเทา คือ คุมไว้อย่าให้กำเริบ
และก็ยังเหมือนกับโรค เรื้อรังอื่น ตรงที่ไม่สามารถแก้ไข ได้โดยรวดเร็ว จะว่าไปแล้วก็ยังไม่มีวิธีรักษาที่ถูกใจคนไข้เลย เพราะคนไข้จะพอใจก็ต่อเมื่อต้องได้ผลดี คือ ผอมเร็ว และผอมนานไม่กลับมาอ้วนอีก

ในทางทฤษฎีแล้วจะต้องเผาผลาญพลังงานไปถึง 3500 กิโลแคลอรี่ จึงจะลดไขมันลงไปได้ 1 ปอนด์ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ไม่ควรลดน้ำหนักลงเร็วกว่า 1-2 ปอนด์ต่อสัปดาห์ เห็นไหมล่ะครับว่า จะลดน้ำหนักกันเร็วๆ ไม่ได้ไม่ควรทำ และโรคอ้วนนี่ก็ชอบกลับมา เป็นซ้ำเป็นซากอยู่นั่นแหละ ไม่ยอมหายขาดซะที

ตารางที่ 1 รวบรวมกิจกรรมที่ใช้กันบ่อยเพื่อลดน้ำหนัก

รวบรวมกิจกรรมที่ใช้กันบ่อยเพื่อลดน้ำหนัก
วิธีลดน้ำหนักที่ใช้กันมาก

กิจกรรมผู้ใหญ่ : วัยรุ่น :
ชั่งน้ำหนักตัวเองสม่ำเสมอ ออกกำลังกาย
เดินออกกำลัง อดอาหารบางมื้อ
ดื่มเครื่องดื่มคุมน้ำหนัก ใช้ยาลดน้ำหนัก
กินเกลือแร่ วิตามิน
คำนวณแคลอรีที่กิน
อดอาหารบางมื้อ
ใช้อาหารลดน้ำหนักที่มีขาย
ใช้บริการของโปรแกรมลดน้ำหนัก
ใช้ยาลดน้ำหนัก

ผู้หญิง ดูจะใช้มากเป็นพิเศษ วิธีที่ใช้ส่วนใหญ่ก็เป็นที่ยอมรับ ทางการแพทย์ แต่บางวิธีก็ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่า ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพหรือไม่

ใน บรรดาวิธีต่างๆ ที่ใช้ควบคุมความอ้วน วิธีเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ซึ่งรวมถึง การปรับเปลี่ยนการกินอาหารนับเป็นวิธีที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด วิธีใช้ยาดูเหมือนว่าตอนแรกจะลดน้ำหนักได้เร็ว แต่ในระยะยาวแล้ว สู้วิธีปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไม่ได้เพราะคุมความผอมไว้ได้นานกว่า

การ ปรับเปลี่ยนอาหารเริ่มจาก การให้ความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับสารอาหาร พลังงานจากอาหารและชนิดของอาหารต่างๆ จุดประสงค์เพื่อให้สามารถเลือกรับประทานอาหารได้เหมาะสม, สามารถคิดปริมาณพลังงานจากสารอาหารได้ และรู้หลักของ การจัดอาหารให้สมดุล

ผู้ ที่ต้องการควบคุมอาหารมากๆ อาจจำกัดพลังงานอาหาร ให้เหลือเพียง 400-800 กิโลแคลอรีต่อวัน กิจกรรมออกกำลัง มีความสำคัญในการลดน้ำหนักมากครับ เพราะช่วยเร่งการใช้พลังงาน หรือเผาผลาญไขมันที่สะสมไว้ออกไปอีกทางหนึ่ง รวมแล้ว พลังงานแต่ละวันก็จะติดลบ คือ ใช้มากกว่ารับประทานเข้าไป น้ำหนักก็จะลดลงเรื่อยๆ

ตารางที่ 2 แสดงปริมาณพลังงานที่ใช้ในการออกกำลัง ด้วยกิจกรรมต่างๆ ไว้

พลังงานที่ใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ สำหรับผู้ที่หนัก 70 กิโลกรัม

กิจกรรม พลังงานที่ใช้ (กิโลแคลอรี่ต่อนาที)
เดินช้า ๆ 3-6
เดินเร็ว ๆ 6-8
วิ่งช้า ๆ 10-13
วิ่งเร็ว 15-18
ปั่นจักรยานช้า ๆ 4-8
ปั่นจักรยานเร็ว 10-15
กายบริหารเบา ๆ 4
เต้นรำ 5-8
เล่นสเก็ตน้ำแข็ง 6-11
ขึ้นบันไดปกติ 6
ขึ้นบันไดเร็ว ๆ 8-10
ทำความสะอาดบ้าน 4
ว่ายน้ำธรรมดา 6
กวาดสนามหญ้า 5
ตัดหญ้า 5

ถือหลักง่ายๆ ว่า ยิ่งออกแรงมากก็ยิ่งใช้พลังงานมาก ถ้าทำกิจกรรมหลายๆ อย่างผสมกันจะช่วยให้ใช้พลังงานออกไปมากขึ้น




การใช้ยาลดความอ้วน
ยา ลดน้ำหนัก เมื่อใช้ร่วมกับการควบคุมอาหาร จะช่วยลดน้ำหนักได้ เมื่อใช้ยาแล้วอาจจะทำให้ไม่หิว หรือรู้สึกอิ่มเมื่อรับประทานอาหารเพียงเล็กน้อย ผู้ที่อ้วนมากๆ จึงควรใช้ยาลดน้ำหนักครับ อ้วนน้อยๆ ไม่จำเป็น ใช้แค่คุมอาหาร และออกกำลังกายก็พอ

ยาลดน้ำหนัก เมื่อหยุดใช้อาจกลับมาอ้วนอย่างเดิมอีก จึงต้องเปลี่ยนการรับประทานอาหาร และการออกกำลังด้วยเสมอ ต้องพยายามด้านนี้ให้มากครับ ถือเป็นเรื่องที่ต้องทำตลอดไปเลย

ผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ของยา ก็เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงครับ ยาบางชนิดอาจทำให้กระวนกระวาย หงุดหงิด ปวดศีรษะ ปากคอแห้ง คลื่นไส้ และท้องผูก บางชนิดก็ทำให้อารมณ์ซึมเศร้า ง่วงนอน ปวดท้อง ท้องเดิน นอนไม่หลับ หรือฝันมาก
บางทียาพวกนี้อาจเพิ่ม ความดันโลหิตให้สูง หรือหัวใจ เต้นผิดปกติได้ครับ ที่ร้ายแรงคือ เกิดแรงดันเลือดในปอดสูง การใช้ยาเหล่านี้จึงต้องอยู่ในความดูและของแพทย์อย่างใกล้ชิดครับ อย่าซื้อมากินเอง แล้วกินไปเรื่อยๆ เพราะอยากผอมจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

แพทย์ จะคอยติดตามอาการ และเฝ้าระวังผลข้างเคียงจากยา วัดดูความดันโลหิต ดูการเต้นของหัวใจ และเฝ้าดูปัญหาทางหัวใจ ที่อาจแฝงเร้นอยู่โดยไม่ทราบมาก่อน ถ้าเกิดผลข้างเคียงหรือสงสัย ต้องหยุดยาทันทีครับ




แหล่งที่มา » คลีนิค health&Diet
 

ลดหุ่นหลังคลอด


ลดหุ่นหลังคลอด

รูปภาพประกอบ : ลดหุ่นหลังคลอด
เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก คู่แต่งงานหลายคู่ เมื่อแต่งกันแล้วแน่ละใครบ้างหละไม่อยากจะมีพยานรักตัวน้อยๆเอาไว้เชยชม แต่แหม กว่าจะได้เชยชมนี่ เล่นเอาผู้ที่กำลังจะเป็นแม่ หนาวกันเป็นแถบๆ ไม่ใช่อะไรหรอก 

ก็รูปร่างอันสะโอดสะอง ที่อุตส่าห์ อดมื้อกินมื้อเพื่อความสวยนี่สิ มันจะมลายหลายไปในพริบตาชั่วเวลาไม่กี่เดือน ไหนจะผิวพรรณ ที่ผุดผ่องจะต้องมีคราบไคลที่ขัดเท่าไหร่ก็ไม่ออก อีกหน้าตาที่เคยเปล่งปลั่ง

ก็ต้องบวมจมูกบาน โอ้ย! นึกแล้วน่าใจหาย คลอดไปแล้วก็ไม่รู้จะกลับมาสวยได้เหมือนเดิม กินน้อยๆ เพื่อรักษาหุ่นจะดีมั้ยน้า…

อย่าเชียวนะ คุณที่กำลังจะเป็นแม่ทั้งหลาย อย่าคิดเช่นนี้ การตั้งครรรภ์ไม่ได้น่ากลัวอย่างนั้นนะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับคุณจะค่อยๆหายไปภายใน 6 เดือนหลังคลอด สอบถามจากคุณ"วาว" คุณแม่ที่รู้จักกัน ตอนท้องเธอน้ำหนักขึ้นถึง 24 กิโล หลังคลอดมาแล้ว 3 เดือน ลดลงไปตั้ง 20 กิโล ไปกระซิบถามมาให้แล้วค่ะ ว่าเธอมีวิธีรีดน้ำหนักออกได้อย่างไร


เรามาเริ่มดูกันตั้งแต่หลัง ที่ลูกน้อยคลอดออกมาเลยดีมั้ย เมื่อคลอดมาแล้วเธอไปชั่งน้ำหนักช่างน่าตกใจลงไปแค่ 5-6 กิโลเอง นั่นคือน้ำหนักของตัวเด็กและรก แต่ไม่ต้องตกใจนะ เพราะตอนนั้นตัวคุณแม่เองทั้งพอง ทั้งบวม มันจะยุบลงอีกค่ะ พอกลับมาบ้านแล้ว ต้องควบคุมอาหารอย่างจริงจัง

อาหารทอดทั้งหลายควรหลีกเลี่ยง เปลี่ยนมาเป็นพวก นึ่ง ต้ม ปิ้ง ย่าง จะดีกว่า อ้อ ไม่ใช่เอาเนื้อติดมันอย่างเสือร้องไห้มาย่างหละ อันนี้ไม่ได้ผลนะคะ พวกมันๆ หรือหนังทั้งหลาย เขี่ยทิ้งให้หมด ไม่งั้นไม่สวยนะ

ทานพวกโปรตีน วิตามิน เกลือแร่เยอะๆ ทานข้าวน้อยๆ หนักกับข้าวไว้ ผลไม้ กินเข้าไป ช่วยเรื่องระบบขับถ่ายด้วยค่ะ แล้วนมอย่าลืม ต้องเป็นนมพร่องมันเนย ไขมันต่ำนะคะ ทานน้ำเยอะๆด้วยนะ และที่สำคัญยิ่ง ควรให้ลูกทานนมแม่ด้วย น้ำหนักลงเร็วแน่นอน (เทคนิคเล็กๆก่อนให้นมลูกสัก 10 นาที ให้ดื่มน้ำเยอะๆ)

นอกจากทานอาหารแล้ว ก็ต้องมีการออกกำลังกายด้วยค่ะ จำไว้ว่า ร่างกายของคุณยังไม่ปกติดีเหมือนคนทั่วไป ต้องมีการพักฟื้น ควรเริ่มจากการยืดเส้นยืดสายสบัดแขนสบัดขาไปก่อนอย่าไปหักโหมมาก จะเจ็บตัวเปล่าๆ และต้องทำตัวให้กระฉับกระเฉงตลอดเวลาด้วยนะคะ ดิฉันมีวิธีบริหารส่วนต่างๆที่คุณแม่ทั้งหลายต้องมีปัญหานำไปปฎิบัติกันค่ะ


ส่วนแรกคือหน้าท้อง

ขั้นแรก นอนราบกับพื้น ยกขาชันเข่าขึ้น มือวางไว้ที่ท้ายทอย จากนั้นพยายามยกศรีษะขึ้นจากพื้นช้าๆ และลงราบกับพื้นให้ท้องแบนราบเลยนะคะ แล้วค่อยยกขึ้นใหม่ ทำอย่างนี้ 10 ครั้งค่ะ ถ้าร่างกายคุณแข็งแรงพอแล้วค่อยเพิ่มค่ะ และเมื่อคุณเริ่มแข็งแรงพอแล้ว ให้ทำในท่าเดิมแต่ยกเป็น 2 จังหวะ คือเมื่อยกแล้วให้หยุดแล้วยกต่อจังหวะที่สองจากนั้นก็วางศรีษะลง ทำ 10 ครั้งเมื่อแข็งแรงก็เพิ่มได้ค่ะ

และท่าสุดท้ายสำหรับการบริหารหน้า ท้อง อาจจะยากสักหน่อยนะคะ เพราะต้องใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องจริงๆ ให้นอนราบกับพื้น ยกขาขึ้นชันเข่า มือประสานไว้ที่ท้ายทอย ยกตัวขึ้นนับ 1 บิดไปทางขวานับ 2 บิดไปทางซ้ายนับ 3 หยุด แต่อย่าเพิ่งเอาหัวลงนะคะ ยกขึ้นมาอีกครั้งนับ 4 แล้วจึงวางหัวราบลงกับพื้น

ท่านี้ไม่ขอจำกัดค่ะ ให้คุณทำเท่าที่คุณทำได้ ** การบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้อง สำคัญคุณต้องเกรงหน้าท้อง และยกหัวขึ้นด้วยลำตัว อย่ายกมันด้วยมือที่อยู่ตรงท้ายทอย เพราะมันจะทำให้การออกกำลังกายของคุณไม่ได้ผลค่ะ **

ท่าบริหารต้นขา

ยืนตรง แยกขาออกพอย่อตัวลงได้ จากนั้นย่อตัวลงแตะพื้น อะ..อะ ไม่ใช่การก้มตัวไปเหมือนท่านักวิ่งนะคะ ให้ย่อตัวลง หลังตรงค่ะ ท่านี้ทำแล้วจะปวดขา แต่มันได้ผลนะคะ ทำ 10 ครั้งค่ะ

ถ้าทำได้อย่างนี้แล้ว รับรองค่ะ 3 เดือนหลังคลอดเห็นผลแน่นอน..



แหล่งที่มา »  mcot

วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ทำไมต้องใช้ผลิตภัณฑ์ ของ บริษัท Longderse' ?

ทำไมต้องใช้ผลิตภัณฑ์ ของ บริษัท Longderse' ? 
  • บริษัท ถูกกฎหมาย 100%
    มีเอกสารรับรอง ทั้งจาก สำนักคุ้มครองผู้้บริโภค (สคบ.),ใบรับรองการจดทะเบียนบริษัท, หนังสือรับรองการจดทะเบียน,ใบเสียภาษีอากร เป็นต้น
  • สินค้ามี คุณภาพ มี อย. GMP. Halal รับรองความปลอดภัย
    มาตรฐานการผลิต GMP. สินค้าเรามี อย.รับรองความปลอดภัยทุกผลิตภัณฑ์ ถูกหลัก Halal
  • ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ ส่วนใหญ๋ ใช้ได้ผลจริง
    Presenter ของเราล้วนมาจากผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ทั่วไป มีมากกว่า พันคน ที่ใช้แล้วพอใจในผลิตภัณฑ์ของเรา
  • สามารถจัดส่งได้ถึงบ้าน
    ทางเราได้เลือก บริษัท ขนส่ง Kerry Logistic ซึ่งเป็นบริษัทขนส่ง ระดับโลก ที่มีเครือข่ายทั่วโลกครอบคลุม 4 ทวีป 31 ประเทศ เป็นผู้จัดการในเรื่องการขนส่งสินค้า ให้กับบริษัทของเรา

ตัวอย่างผู้ใช้ผลิตภัณฑ์

ถ้าคุณเป็นคนที่ลดน้ำหนักเท่าไรก็ลดไม่ลง ไม่อยากทานยาลดน้ำหนัก    ออกกำลังกายก็ยังไม่ผอมสักทีไม่รู้จะทำอย่างไร เรามีตัวช่วย พบกับ  นวัตกรรมใหม่ แห่งการลดน้ำหนัก ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก ที่ได้ผล 100% ลด 5-10กก. ภายใน 30 วัน ไม่โยโย่ รูปร่างกระชับ เด้ง ฟิต ด้วยสมุนไพร และสารสกัด จากธรรมชาติ ผลิตตามมาตรฐาน GMP, มี ( อ.ย. ) รับรอง
 
Longderse อาหารเสริมลดน้ำหนักกระชับสัดส่วน สร้างรายได้ 100,000 บาท ภายใน 3 - 6 เดือน

Beauti Fit คืนชีวิตสู่วัยสาว


Beauti Fit คืนชีวิตสู่วัยสาว
ส่วนประกอบที่สำคัญ
  1. ตังกุย (Angelica sinensis  ) ช่วยให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ แก้ปวดประจำเดือน ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวปวดเมื่อยตามเนื้อตัว และยังป็นยาระบายอ่อน ๆ
     
  2. ดอกคำฝอย  (Carthamus) เป็นยาบำรุงโลหิต  บำรุงประสาท  แก้โรคผิวหนัง น้ำมันดอกคำฝอยจะช่วยให้การอุดตันของไขมันในหลอดเลือดลดลง 
     
  3. เฮี้ยะบ่อเช่า (Leonurus heterophyllus Sweet)  ช่วยให้เลือดไหลเวียน ปรับประจำเดือน ขับปัสสาวะ เสริมสร้างแรงหดตัวของมดลูก
    ช่วยให้เข้าอู่หลังการคลอดบุตรและลดน้ำคาวปลา ช่วยบำรุงครรภ์
     
  4. อึ้งคี้  (Astragalus membranceus)  ช่วยบำรุงหัวใจ บำรุงเลือดลม  เสริมสร้างกล้ามเนื้อ แก้อาการหน้าซีดหอบ  อ่อนล้าไม่มีเรี่ยวแรง  ขับปัสสาวะ
     
  5. แปะเจียก (Paeonia Lactiflora) ช่วยขจัดลิ่มเลือด และสรรพคุณ เป็นยาบรรเทาปวด เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการประจำเดือนผิดปกติ
    มีเชื้อราในช่องคลอด ช่วยในการขับประจำเดือน
     
  6. เส็กตี่ (Rehmannia glutionsa ) มีสรรพคุณรักษาโลหิตจาง บำบัดโรคในสตรี เช่น ประจำเดือนมีสีจางมามากไปหรือน้อยไป
     
  7. โกฐหัวบัว (ligusticum wallichill) ช่วยบำรุงโลหิต ขับลม แก้ปวดศรีษะ แก้อาการวิงเวียน
     
  8. ฝาง (Caesalpinia sappan) ช่วยในการบำรุงโลหิต ประจำเดือนมาปกติ รักษาระดูขาว แก้ร้อนใน
     
  9. ว่านชักมดลูก (Curcuma Xanthorrhiza) เสริมสร้างทรวงอกให้เต่งตึง  กระชับ ไม่เหี่ยวย่น  ช่วยกระชับช่องคลอดภายในสตรี ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าขาวนวล

ลองเดอเซ่ ไวท์เทนนิ่งโซป

ลองเดอเซ่ ไวท์เทนนิ่งโซป
 
With natural herbs & Vitamin E
 
ส่วนประกอบที่สำคัญ
  1. น้ำผึ้งธรรมชาติจากดอกไม้นานาพันธุ์
     
  2. สารสกัดจากผลไม้รวมหลากหลายชนิด
สรรพคุณ
ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพหลุดออกไป ช่วยลดริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ พิเศษด้วยสารสกัดนำเข้าจากอิตาลี
ฟองสบู่จะช่วยปรับสภาพให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื่น น่าสัมผัส
 
วิธีใช้
ลูบไล้สบู่ลองเดอเซ่ ไวท์เทนนิ่งโซป ให้เกิดฟองแล้วใช้ฟองสบู่ชำระล้างทำความสะอาดทั่วใบหน้าและร่างกาย เช้า-เย็น (ใช้ได้บ่อยตามต้องการ)

ลองเดอเซ่ ไวท์เทนนิ่งโซป




ลองเดอเซ่ ไวท์เทนนิ่งโซป
 
With natural herbs & Vitamin E
 
ส่วนประกอบที่สำคัญ
  1. น้ำผึ้งธรรมชาติจากดอกไม้นานาพันธุ์
     
  2. สารสกัดจากผลไม้รวมหลากหลายชนิด
สรรพคุณ
ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพหลุดออกไป ช่วยลดริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ พิเศษด้วยสารสกัดนำเข้าจากอิตาลี
ฟองสบู่จะช่วยปรับสภาพให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื่น น่าสัมผัส
 
วิธีใช้
ลูบไล้สบู่ลองเดอเซ่ ไวท์เทนนิ่งโซป ให้เกิดฟองแล้วใช้ฟองสบู่ชำระล้างทำความสะอาดทั่วใบหน้าและร่างกาย เช้า-เย็น (ใช้ได้บ่อยตามต้องการ)
ลองเดอเซ่ ไวท์เทนนิ่งโซป
 
With natural herbs & Vitamin E
 
ส่วนประกอบที่สำคัญ
  1. น้ำผึ้งธรรมชาติจากดอกไม้นานาพันธุ์
     
  2. สารสกัดจากผลไม้รวมหลากหลายชนิด
สรรพคุณ
ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพหลุดออกไป ช่วยลดริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ พิเศษด้วยสารสกัดนำเข้าจากอิตาลี
ฟองสบู่จะช่วยปรับสภาพให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื่น น่าสัมผัส
 
วิธีใช้
ลูบไล้สบู่ลองเดอเซ่ ไวท์เทนนิ่งโซป ให้เกิดฟองแล้วใช้ฟองสบู่ชำระล้างทำความสะอาดทั่วใบหน้าและร่างกาย เช้า-เย็น (ใช้ได้บ่อยตามต้องการ)
Whitening Soap

คอฟฟี่ โดฟ กาแฟสำหรับท่านชาย

คอฟฟี่ โดฟ กาแฟสำหรับท่านชาย
ส่วนประกอบที่สำคัญ
       1. กำลังวัวเถลิง (Anaxagorea luzonensis A. Gray)
                
                มีรสมันร้อน บำรุงโลหิตธาตุให้บริสุทธิ์ บำรุงเส้นเอ็น แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย บำรุงกำลัง
           บำรุงกระดูก เป็นยาอายุวัฒนะ

       2. เถาเอ็นอ่อน (Cryptolepis buchanani Roem & Schult)
               แก้ปวดเมื่อย เป็นยาบำรุงเส้นเอ็น ทำให้เส้นเอ็นหย่อน จิตใจชุ่มชื่น แก้เส้นเอ็นพิการ
       3. ตงกักอาลี (Tongkat Ali)
               เสริมสร้างพลังชีวิตท่านชายให้กลับเป็นหนุ่มอีกครั้ง เพิ่มฮอร์โมนเพศชาย
           เทสเทอร์สโตรอน ทำให้มีชีวิตชีวา เสริมสร้างและกระตุ้นอารมณ์และสมรรถภาพทางเพศ
           เพิ่มภูมิต้านทาน และ ลดสภาวะวัยทอง  ส่งเสริมการไหลเวียนเลือดให้ดียิ่งขึ้น
       4. สารสกัดจากหอยนางรม (Oyster Extract)
                มีแร่ธาตุสังกะสี เพื่อช่วยให้ต่อมลูกหมากทำงานปกติ  ช่วยทำให้การเคลื่อนไหว
           ของสเปิร์มมีมากขึ้น ช่วยให้สเปิร์มแข็งแรงขึ้น ช่วยทำให้ปริมาตรของน้ำอสุจิมีมากขึ้น
           ช่วยให้ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในเพศชายมีสูงขึ้น โอกาสที่จะมีลูกจึงมีมากขึ้น
           สร้างเสริมสุขภาพทางเพศ และสุขภาพโดยรวมของท่านชายให้ดีขึ้น และไม่เสื่อมถอยไปได้ง่ายๆ
           ให้กำลังงานกับร่างกายได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากมี ไกลโคเจนซึ่งเป็นแหล่งให้พลังงานที่สำคัญของ
           ร่างกายให้สารเทารีน ซึ่งส่งผลให้การทำงานของระบบประสาท กล้ามเนื้อและหลอดเลือดทำงาน
           ได้เป็นปกติ 
       5. มะขามป้อม (Emblic myrablan)
               ลดคลอเรสเตอรอล ช่วยลดความดันในเลือดสูง ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน
           ช่วยให้หลอดเลือดฝอยและผนังเซลล์แข็งแรง  ช่วยในการผลิตฮีโมโกลบินในเซลล์เม็ดเลือดแดง
           ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็ก สารต่อต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันมะเร็งและหัวใจ
           เสริมภูมิต้านทานโรค, บรรเทาหวัด, ช่วยให้แผลหายเร็ว 

เอกสารทางกฎหมายของ evolink